Sunday, February 20, 2011

แค้นวิปริต จิตสั่งกาม : ตอนที่ 7 นายแบบมือสมัครเล่น

"แนวสะกดจิตเรื่องใหม่:แค้นวิปริต จิตสั่งกาม"

โดย
โทรจิตคุง Palm-Plaza.com Forum

ตอนที่ 7 นายแบบมือสมัครเล่น

ไม่มีการเปิดโอกาสแม้แต่ให้แจ็คใช้เวลาทำความเข้าใจคำพูดของผม ผมลุกโพล่งขึ้นปรบมือเรียกความสนใจจากคนในร้านทันที
.
.
“ต้อง ขอโทษที่เสียมารยาทครับทุกท่าน ขอความกรุณาทยอยกันไปรวมอยู่ด้านหลังก่อน วันนี้ร้านปิดแล้ว ส่วนมื้อนี้ผมขอเลี้ยงเอง ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ”
.
.
ประกาศิต จากผมทำให้เสียงครื้นเครงจากเหล่าลูกค้าที่กำลังกินดื่มสังสรรค์ดับวูบลงราว กับวิทยุถูกดึงปลั๊ก ไม่ถึง 5 วินาที พวกเขาค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมกันด้วยใบหน้าอันเหม่อลอย เดินอุ้ยอ้ายเข้าไปหลังร้านทีละคน ๆ ยังกับหนังซอมบี้บุกเมือง ขณะที่แจ็คทำได้เพียงหันซ้ายหันขวาสลับไปมาเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก
.
.
ผมไม่เว้นระยะให้แจ็คหายตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จัดการถ่ายทอดคำสั่งชุดต่อไปทันที
.
.
“ส่วนคนของผมขอให้ประจำตำแหน่ง! เคลียร์พื้นที่ให้หมด!”


พนักงาน ในร้านได้แก่ พนักงานต้อนรับ พนักงานเสิร์ฟ แม่บ้าน คนครัว บาร์เทนเดอร์ และเจ้าของร้าน รวมกว่า 10 คน เดินฉับ ๆ แยกย้ายกันไปตามจุดต่าง ๆ ที่ผมได้สั่งการไว้ ถูกต้องแล้วครับ ผมมาสำรวจที่นี่ก่อนเวลาจริงเพื่อดูสถานที่และสะกดจิตพวกพนักงานล่วงหน้า ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจะเข้าสู่ภาวะหุ่นเชิดพร้อมกันต่อเมื่อได้ยินคีย์เวิร์ดจากผมนั่นก็ คือคำสั่งปิดร้านนั่นเอง


ถ้า ทำได้แจ็คคงอยากเข้าไปตบหัวใครซักคนให้หน้าคะมำโทษฐานทำให้เขางุนงง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากใครก่อนดีเพราะหุ่นเชิดของผมต่างกระจายตัวไปคนละทิศทาง ต่างคนต่างตรงไปปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัวใด ๆ ทั้งสิ้น


“เล่น พิเรนทร์อะไรของมึง!?” แจ็คกวาดของบนโต๊ะลงพื้นเสียงดังโครมคราม แวบเดียวเขาพุ่งตัวปีนขึ้นเหยียบโต๊ะ คงหวังจะคว้าคอเสื้อผมเป็นหลักยึดแล้วอัดกำปั้นใส่หน้าไม่ยั้งจากมุมสูง แต่ขอโทษเถอะ ผมไม่ยอมให้ใครมาตั๊นหน้าได้ง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว


ชั่ว พริบตาที่เกือบจะเอื้อมถึงตัวผม แจ็คสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่พุ่งแหวกอากาศข้างกายผ่านไปด้วยความเร็วสูง และหยุดฝังตัวแน่นอยู่กับผนัง


“เฮ้ย! แม่งเล่นปืนเลยเหรอวะ!?” แจ็คเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น จิตของผมได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เมื่อกี้คงนึกว่าตัวเองตายไปแล้วกระมัง


กลิ่น และควันเขม่าปืนโชยกลืนไปกับอากาศ ชายอ้วนวัยกลางคนค่อย ๆ เผยตัวออกมาจากมุมมืด ในมือถือปืนเล็งตรงมาทางแจ็ค เขาคือเจ้าของร้านนั่นเอง ผมไม่ได้เตรียมอาวุธสังหารพวกนี้ไว้หรอกนะ เป็นคราวซวยของแจ็คเองที่เจ้าของร้านเป็นคนเล่นปืน และแน่นอน ผมย่อมต้องดึงศักยภาพของหุ่นเชิดแต่ละตัวออกมาใช้ให้คุ้มค่าที่สุดอยู่แล้ว มีของดีต้องรู้จักใช้


แจ็ค ดีดตัวขึ้นเตรียมตัวหนีแต่ก็พบว่าประตูทางเข้ามีบาร์เทนเดอร์ถือขวดปากฉลาม ขวางทางยืนจังก้า ส่วนประตูหลังร้านพนักงานเสิร์ฟสาวสวยสองคนเดินถือมีดยืนกั้นเอาไว้ ขณะที่เจ้าของร้านผู้ใช้อาวุธปืนยังคงจับจ้องทุกกระทำของเขา นัยน์ตาของทุกคนว่างเปล่าเกินกว่าที่แจ็คจะคาดเดาได้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่พออ่านสถานการณ์ได้ คือพวกเขาไม่เป็นมิตรกับแจ็คแน่นอน


“ไม่ มีการเจรจายื่นหมูยื่นแมวใด ๆ แล้วละนะแจ็ค เงินนี่ผมใช้เป็นตัวล่อให้นายตายใจเท่านั้น และเดิมทีผมก็สามารถชิงรูปพวกนั้นมาได้เองอยู่แล้ว”

ทั่ว ใบหน้าแจ็คเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬซึ่งผุดขึ้นมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหวาดกลัวกับปรากฏการณ์เหนือสามัญสำนึกที่เกิดขึ้นตรง หน้า เขาไร้หนทางแม้แต่จะเดาว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร


“นาย จะเข้าใจว่าผมมอมยาคน เล่นคุณไสย ใช้จิตวิทยา หรืออุปทานหมู่ก็เชิญ คิดตามที่นายอยากให้เป็นได้ตามสบาย ขอให้รู้แค่เพียงว่าตอนนี้ผมสามารถบังคับมนุษย์ได้ไม่ต่างจากกดปุ่มรีโมท และรวมถึงนายด้วย แต่ผมยังไม่ทำก็แค่นั้น” ผมค่อย ๆ ย่างเท้าก้าวหาแจ็คซึ่งกำลังถอยหลังจนมุมมุมหนึ่งของร้าน


“ม. . .มึงอยากได้รูปนักใช่ไหม เอาไปเลย!” เขาขว้างซองบรรจุรูป ผมคว้าหมับไว้ได้อย่างแม่นยำ


“บอก แล้วไงแจ็ค เดิมทีผมสามารถชิงรูปแบล็คเมล์มาได้เองอยู่แล้ว แค่นี้ไม่ถือว่าหายกันหรอก” ทันทีที่ได้รับซองดังกล่าว ผมก็จัดการมันด้วยการใช้ไฟแช็คจุดเผาทำลายทันที


“ถึง แม้ผมลงทุนเปลี่ยนทั้งรูปร่างหน้าตาทั้งประวัติส่วนตัวแล้ว นายก็สามารถตามสืบจนรู้ว่าผมคือใคร ซ้ำยังแบล็คเมล์เรียกเงินครึ่งล้านด้วยข้อมูลชั้นสองที่เหลือใช้จากพวกจตุร เทพอีก ขอชื่นชมที่กล้าดีได้อย่างชนิดว่าไม่เคยมีหน้าไหนกำแหงกับผมถึงขนาดนี้” ดูเหมือนในที่สุดแจ็คก็ประเมินได้แล้วว่า ณ เวลานี้ เขาทำได้เพียงแค่ยอมจำนน และเดิมทีเขาก็มีหนี้ที่ต้องสะสางกับผมอยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องนี้เข้ามาพ่วงด้วยแล้วอย่านึกว่ามันจะปิดฉากลงง่าย ๆ เหมือนการ์ตูนสี่ช่องจบ
.
.
.

ผม ปรบมืออีกครั้งเพื่อส่งสัญญาณเรียกคนที่เตรียมไว้อีกส่วนให้เผยตัวออกมา กลุ่มคนจำนวนหนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อยืดดำท่าทางทะมัดทะแมงก็วิ่งขนอุปกรณ์ สำหรับสตูดิโอออกมาติดตั้งอย่างกุลีกุจอ ยิ่งสร้างความมึนงงให้แจ็คหนักเข้าไปอีก แต่ในที่สุดก็มีสิ่งหนึ่งที่เรียกสติเขากลับคืนมาได้ เมื่อวีรวุฒิพาตัวผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในสภาพถูกปิดตาปิดปากมัดมือตามออกมา เป็นลำดับท้ายสุด


“แอน!” แจ็คหน้าซีดเผือด แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือวีรวุฒิที่อยู่ข้างตัวเธอ


“ไอ้ วี!! นี่มึงขายกูเหรอ! กูนึกแล้วว่าทำไมอยู่ดี ๆ มึงถึงชวนกูคุยเรื่องขายตรง!” เขาตะคอกถามวีซึ่งได้แต่ก้มหน้ามองพื้นแสดงอาการไม่สู้หน้าแทนคำตอบ


“อย่าต่อว่าเขาเลยแจ็ค” ผมแทรกขึ้นฉับพลัน “นายเป็นคนพูดเองนะว่าคนเราพอจนตรอก เหี้ยแค่ไหนก็ต้องทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น ถูกไหม?”


“วี เขาก็จนตรอกเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามผมสั่ง เขาเองอาจเป็นฝ่ายเดือดร้อน อย่างที่นายกำลังเป็นอยู่นี่ไง” ผมเสริมต่ออีกเล็กน้อย เล่นเอาแจ็คทำอะไรไม่ถูกนอกจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่เป็นการตั้งสติ


“มึงรู้ได้ยังไงว่าแอนเป็นแฟนกู” แจ็คเปลี่ยนเป้ายิงคำถามมาทางผมแทน


“ผม ไม่รู้จักเธอหรอกแจ็ค เอาเป็นว่าหัวหน้าห้องของเราเก่งมากพอที่จะสืบมาได้แล้วกัน และที่สำคัญเหนือสิ่งใด ผมรู้ว่าเธอสมคบคิดกับนายแบล็คเมล์ผม นายให้เธอเป็นคนดูต้นทางว่าผมมาตามนัดรึเปล่าใช่ไหมละ แล้วยังให้เก็บรูปอีกสองใบเผื่อไว้ในกรณีผมเล่นตุกติกอีกด้วย” ผมอ่านใจเธอไปพลาง สาธยายความลับให้ทุกคนฟังไปพลางเหมือนล่ามแปลสด ไม่สินะ ต้องเปรียบว่าเหมือนผมนำเคล็ดลับมายากลที่ใครสักคนทุ่มเทกายใจบรรจงเขียน บันทึกไว้อย่างปราณีต ดึงออกมาฉีกเป็นริ้ว ๆ ใช้เท้าขยี้ให้ดูต่อหน้าต่อตา ว่าสิ่งที่เขานึกเอาเองว่าตรองไว้อย่างดีเลิศมันก็เป็นเพียงกลอ่อนหัดไร้ ชั้นเชิงเมื่อต้องเผชิญกับพลังของผม


หลัง จากอ่านใจจนหมดเปลือกผมก็ใช้มือล้วงเข้าไปในซอกอกแฟนสาวของแจ็ค เธอขยับตัวขัดขืนพอเป็นพิธี ป่านนี้ทุกคนคงยอมรับชะตากรรมแล้วว่าไม่มีอะไรที่ปิดซ่อนได้แม้จะสบถด่าผม แค่ในใจคำเดียวก็ตาม


“ไอ้เต๋อ! มึงหยุด!!!” แจ็คทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผม แต่ก็ชะงักไว้เพราะเสียงหมุนลูกโม่ปืนจากเจ้าของร้านที่ยังคงยืนคุมเชิงไว้


“อุตริ ซ่อนไว้ตรงนี้เอง. . .ช่วยไม่ได้” ผมชักมือออกทางคอเสื้อของหญิงสาวพร้อมรูปถ่ายอีกสองใบที่เหลือ แล้วใช้ไฟแช็คฌาปนกิจรูปชุดหลังให้สิ้นซากตามกันติด ๆ แจ็ครู้ตัวดีว่าไม่หลงเหลือสิ่งใดที่จะใช้ต่อกรกับผมได้อีกต่อไป


“พร้อมจะใช้หนี้ผมหรือยังแจ็ค ทั้งเรื่องเก่าและใหม่” การเจรจาต่อรองกับแจ็คจบลงแล้วเมื่อครู่ บัดนี้ผมได้เปิดวาระใหม่ขึ้นมา


ทีมงานเสื้อยืดดำของผมมองตรงมายังแจ็คเป็นทางเดียวกัน


“ลำบาก แค่ไหนรู้ไหมกว่าจะตามตัว บก. หนังสือใต้ดินกับทีมงานได้เนี่ย. . . ” ผมทิ้งช่วงให้แจ็คได้พักหายใจแล้วจึงพูดต่อ “. . .ยิ่งเป็นหนังสือเกย์ยิ่งยากเป็นร้อยเท่า”


“ม. . .หมายความว่าไงวะ”


“ผมจะให้นายเป็นนายแบบหนังสือเกย์” ผมเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว


“มึง เสียสติไปแล้วเรอะ!!” แจ็คต้องยั้งเท้าไว้อีกครั้ง เมื่อเจ้าของร้านใช้เป้าหมายใหม่ เขาเล็งปากกระบอกปืนไปทางแฟนสาว แม้มีระยะห่างจากกันพอสมควรแต่ก็เห็นได้ว่าเล็งศีรษะไว้เป็นหลัก แม้ฝ่ายหญิงจะถูกปิดปากปิดตาก็ดูเหมือนว่าจะรับรู้ถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่ อยู่รอบตัว ผมสังเกตได้ว่าเธอกำลังสะอื้นไห้ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวตาย


“ปล่อยแอนไปเถอะ แฟนกูไม่รู้เรื่องอะไรด้วย!” ในที่สุด แจ็คก็เริ่มเป็นฝ่ายขอความเห็นใจผมจนได้


“ไม่ต้องหว่านล้อมผมหรอก ผมทราบดีว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับนาย แต่เอาเถอะผมจะละเว้นเธอไว้คนนึง”

ผม พอเข้าใจแนวคิดคำไทยโบราณคำหนึ่งคือ “เมียโจร” กล่าวคือผู้หญิงบางคนยอมถูกตราหน้าเป็นคนชั่วช้า ร่วมหัวจมท้ายไปกับผู้สามีมหาโจรก็เพราะเทิดทูนความรักความซื่อสัตย์ไว้ เหนือความถูกต้อง ก็นับว่าน่าเห็นใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องบาดหมางระหวางผมกับแจ็คจะหายกันได้ด้วยน้ำตานัง คนนี้ เธอเองก็เป็นฝ่ายผิดที่เลือกคนไม่ดี หลับหูหลับตาเอาไอ้ผีพนันอนาคตมืดนี่มาเป็นแฟน ยังไงถึงไม่ติดใจเอาความเธอก็ต้องให้ไอ้แจ็คชดใช้หนี้ให้ผม


“ถ้า นายอยากให้แฟนปลอดภัยล่ะก็. . .นายต้องยอมมีอะไรกับผู้ชายโดยถูกบันทึกภาพเผยแพร่” ผมดีดนิ้วเรียกนายแบบนู้ดชาวฟิลิปปินส์ผิวแทนที่เตรียมไว้ออกมา ตัวสูงถึงร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร หุ่นหนาใหญ่แบบคนเล่นเวท เขาคือดาวเด่นประจำหนังสือนู้ดเกย์ใต้ดิน ซึ่งก็ไม่แปลกที่แจ็คไม่เคยคุ้นหน้ามาก่อน


“เลือก เอาเองว่าจะรักษาศักดิ์ศรีหรือจะเก็บชีวิตแฟนไว้” แน่นอน ท่าทางจริงจังจนถึงขั้นกล้าลงมือฆ่านั้นเป็นแค่การใช้จิตวิทยาขู่เพื่อกดดัน ต่อให้เจ้าตัวแข็งขืนคิดหนีขึ้นมาก็ต้องถูกผมสะกดจิตอยู่ดี ที่ปล่อยให้เขามีสติจนถึงตอนนี้เป็นเพราะอยากเห็นต้องการให้รู้ซึ้งกับตัว ว่านรกที่ผมเคยสัมผัสมันเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องที่น่าขุดคุ้ยเอารูปในอดีตมาตอกย้ำให้เจ็บช้ำน้ำใจกันได้เพียง เพราะเห็นแก่เงิน

“แค่นั้นเรอะ. . .ย่อมได้” เขากัดฟันตอบ น่าขำที่มันสะท้อนถึงคติพจน์ของเจ้าตัวที่ว่า คนเราพอจนตรอก เหี้ยแค่ไหนก็ต้องทำเพื่อตัวเอง อีกเป็นรอบที่สอง

“อย่านึกว่าง่ายอย่างที่คิด นายต้องเป็นฝ่ายรับ” แจ็คแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินผมขยายความเพิ่มเติม
.
.
.
.
เสียง เข็มนาฬิกาเดินภายในร้านซึ่งเงียบสงัดช่วยสริมบรรยากาศแห่งการใช้ความคิด แจ็คต้องขอใช้เวลาทำใจอยู่พักใหญ่ เขานั่งซดเครื่องดื่มดีกรีร้อนแรงย้อมใจได้ประมาณยี่สิบนาทีแล้ว นอกจากนี้ยังขอร้องให้นำตัวแฟนของเขากักตัวไว้อีกที่หนึ่งเพราะไม่อยากให้ ได้ยินได้เห็นชะตากรรมข้างหน้าที่กำลังรอคอยเขาในอีกไม่ช้า


“กู. . .พร้อมแล้ว” แจ็คขานขึ้นด้วยสภาพกรึ่มฤทธิ์น้ำเมา ผมรีบตอบสนองความตั้งใจด้วยการสั่งให้ทีมงานกรูกันเข้าไปจัดแต่งหน้า ทาแป้งปิดริ้วรอยให้ผิวขึ้นกล้อง และเซตผมให้ดูเป็นผู้เป็นคน


“ต๊าย คุณน้องเนี่ย จับแต่งตัวดี ๆ ก็นับว่าหล่อเหลาเอาการเลยนะคะ โครงหน้าก็ดีอยู่แล้ว โกนเคราโกนจอนออกหน่อยดีไหมคะจะได้ดูหน้าใสสมวัย” กะเทยช่างแต่งหน้าออกความเห็น ทีมงานส่วนใหญ่ถูกผมควบคุมสติสามในสี่ส่วนแบบเดียวกับที่เคยทำกับนักเรียน ทั้งห้อง เพื่อให้ยังเหลือความเป็นตัวเองสำหรับคิดเชิงสร้างสรรค์และทำงานได้ลุล่วง


“ไม่ละ อย่ายุ่งกับผมเกินกว่าที่ตกลงกันไว้” แจ็คยกมือปราม


“ช่างเขาเถอะ” ผมบอกเป็นเชิงให้ช่างแต่งหน้าอย่าก้าวก่ายรสนิยมส่วนตัวเพื่อความสะดวกใจของนายแบบ


“แล้วไงต่อ?” แจ็คถอดเสื้อและกางเกงออก เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์สีน้ำเงินเข้มตัวเดียว


“เปลี่ยนเป็นตัวนี้นะน้อง จะได้เข้าชุดกับนายแบบอีกคน” สไตลิสต์จอมจุ้นส่งบิกินี่สีดำตัวจิ๋วให้แจ็ค


“จะ บ้าเรอะ! กางเกงในตุ๊ดชัด ๆ !!รัด ๆ เล็ก ๆ แบบนี้!!” แจ็คโวยวายเมื่อเห็นกางเกงในที่ต้องใส่ถ่ายแบบ แต่ผมพูดให้คิดว่าอีกเดี๋ยวก็ต้องล่อนจ้อน จะใส่ปิดมากปิดน้อยก็มีค่าไม่ต่างกัน


การ เตรียมพร้อมเสร็จสิ้น หนังสือเล่มนี้จะได้คู่พิเศษคือ แจ็ค นายแบบหน้าใหม่ เด็กหนุ่มลุคนักร้องเพลงร็อค ไว้เคราและจอน ผิวขาวสไตล์เอเชีย หุ่นสันทัดเข้ารูปกับบิกินี่สีดำ กับนายแบบฟิลิปปินส์ผิวแทนหน้าคม คิ้วหนา รูปร่างสูงใหญ่ในชุดบิกินี่สีขาว กางเกงในและสีผิวของทั้งสองช่างตัดกันอย่างมีศิลปะ ส่วนฝ่ายแสงไฟและตากล้องสแตนด์บายไว้เรียบร้อยแล้ว นายแบบชาวฟิลิปินส์เดินเข้ามาแนะนำตัวกับแจ็ค เขาชื่อริคกี้ และตามธรรมเนียมก่อนเริ่มงาน เขาได้จับมือแบบเชคแฮนด์และยิ้มให้แจ็คเพื่อลดความเก้อเขินระหว่างกัน


“ริ คกี้พูดไทยได้ คุยง่ายอะไรง่าย มีอะไรติดขัดก็บอกเขาได้นะน้อง” สไตลิสต์คนเดิมกระซิบราวกับเอาใจช่วยแจ็ค ไม่รู้ว่าจะเรียกเป็นโชคดีบนโชคร้ายได้รึเปล่า ขนาดอยู่ในสภาพถูกบังคับขืนใจจนตกต่ำก็ดูเหมือนว่าคนรอบข้างจะเป็นมิตรและ ต่างส่งกำลังใจให้กับการถ่ายนู้ดครั้งแรกของเขา ยกเว้นผมคนเดียวที่ไม่ขอแบ่งความรู้สึกนี้ให้ เดี๋ยวจะกลายเป็นใจอ่อนไปได้


“เอา ละ เชิญตามสบาย ผมจะยืนดูห่าง ๆ จะได้ไม่รบกวนการทำงาน” ผมสั่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดย้ายไปอีกบริเวณหนึ่งของร้าน ส่วนตัวผมเองยืนอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกล เพื่อใช้โทรจิตอ่านความรู้สึกการเสียหนุ่มให้เพศเดียวกันครั้งแรกของแจ็ค


ริ คกี้เล้าโลมแจ็คแบบไม่ทันให้ตั้งตัวด้วยการระดมจูบทั่วเรือนร่าง แม้แต่ชายแท้อย่างแจ็คถึงกับต้องอ่อนระทวย จนเข่าอ่อน สีหน้าท่าทางพริ้วไปกับอรรถรสซาบซ่าน อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ช่วยให้ใจกล้าหน้าด้านทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ดีกับช่างกล้องเพราะสามารถบันทึกภาพสื่ออารมณ์เสียวได้อย่างไม่ยาก ลำบากนักกับมือใหม่อย่างแจ็ค


“โอย. . .เสียว” แจ็คห่อตัวด้วยความเขินอาย เขาถูกริคกี้โอบกอดจากด้านหลังและเลียใบหูเบา ๆ มันเป็นความอบอุ่นรูปแบบใหม่ที่ชายแท้อย่างเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต


“มี คนบอกว่าเป็นครั้งแรกของคุณกับผู้ชายด้วยกัน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ จะทะนุถนอมคุณเป็นพิเศษเลย” ริคกี้พูดกล่อมให้แจ็คเคลิบเคลิ้ม ขณะที่มือของหนุ่มปินส์ได้ย้ายตำแหน่งมาสู่เป้ากางเกงในแจ็คที่ของข้างใน แข็งจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว
ช่างภาพมือฉมังกดชัตเตอร์รัวบันทึกไว้ทุก อิริยาบถชวนเงี่ยน บัดนี้ริคกี้ได้ปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้ายที่ห่อหุ้มควยของทั้งสองออกจาก กัน แต่แจ็คกุมมือปิดของสงวนไว้ด้วยความประหม่า


“ไม่ ต้องอายครับ ทำใจให้สบาย นึกซะว่ามีเราอยู่กันแค่สองคน” ริคกี้พยายามสร้างบรรยากาศ พูดน่ะมันง่ายแต่กับนายแบบมือสมัครเล่นอย่างแจ็คคงจะยากไปหน่อยแม้จะได้ดื่ม เหล้าย้อมใจมาบ้างก็ตาม ผมจึงช่วยอีกแรงด้วยการสะกดจิตขั้นผิวเผิน ทำให้แจ็คไม่สนใจทีมงานรอบตัวและคิดว่ามีกันอยู่เพียงสองคนจริง ๆ


“จะ ทำอะไรน่ะ” แจ็คถามอย่างตื่นตระหนกขณะที่ถูกริคกี้จัประคองกายทอดลงกับโซฟายาว เขาถูกช้อนต้นขาขึ้นมุมสูง บั้นท้ายกระดกเหนือโต๊ะ “อย่านะเว้ย…ตรงนั้นมัน. . .!!” แจ็คร้องปราม แต่ช้าไปเสียแล้ว


“โอ๊ย!” เขาร้องราวกับถูกคมมีดกรีดลึก แต่ที่แท้จริงคือคมลิ้นของริคกี้ซึ่งตรงชอนไชเข้าใจกลางทวารหนัก ช่องทางที่แจ็คไม่เคยคิดว่าจะทำให้เขาเสียวได้ขนาดนี้มาก่อน


“มะ. . .มัน. . .ทะ. . .ทำกันได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ” แจ็คครางเสียงกระเส่า ริคกี้ยังคงปฏิบัติการล้างตู้เย็นต่อไปอย่างอร่อยนุ่มชุมลิ้น รูตูดแจ็คมีขนดำขึ้นแซมพอสมควร ตามปกติแล้วหนังสือพวกนี้อาจจะให้นายแบบโกนขนเสียก่อนเพื่อความสวยงาม แต่ด้วยคอนเซปต์ “ชายแท้เสียบอลขายตัวใช้หนี้” ก็คงไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก เอากันดิบ ๆ ตามธรรมชาติน่าจะเข้ากับคอนเซปต์ที่วางไว้ได้ดีกว่า


“ดูดควยให้ผมหน่อยสิครับ” ควยของริคกี้จ่ออยู่ตรงปากแจ็คแล้ว แต่เขาทำได้แค่เพียงกำไว้ในมือ ไม่กล้าใช้ปากทำออรัลให้ผู้ชายด้วยกัน


“เอา อย่างนี้ เริ่มด้วยท่า 69 ไหมครับ คุณจะได้ไม่อายมาก ต่างคนต่างช่วยกัน” พูดจบริคกี้ก็หันหางเสือกลับลำ ดูดควยหัวชมพูของแจ็คเข้าไปเต็มอิ่ม ดูเหมือนริคกี้จะโปรดปรานมากเพราะเขาเองก็อยู่ในวัยยี่สิบปลาย ๆ แล้ว การได้เติมเชื้อไฟด้วยควยเด็กหนุ่มชายแท้วัยยี่สิบจึงช่วยให้รู้สึกกระชุ่ม กระชวย เขาโม๊คให้แจ็คอย่างมืออาชีพ ส่วนแจ็คได้แต่อม ๆ ดูด ๆ ควยนายแบบฟิลิปปินส์อย่าเงอะงะ ถึงควยริคกี้จะคล้ำเพราะผ่านศึกเยอะไปนิดแต่เรื่องขนาดต้องยกนิ้วให้ ช่วงแรกแจ็ครู้สึกพะอืดพะอม แต่พอแลกเสียวให้กันได้สักพัก อารมณ์มันก็พาไปเอง แจ็แจ็คกล้าลองเสียวท่าใหม่ ๆ ยิ่งขึ้น เขากล้าจูบปากแลกลิ้น ดูดหัวนม ดูดถุงกระโปก หรือแม้แต่ให้ริคกี้นั่งคร่อมหน้าแล้วยอมเลียรูตูดผู้ชายเป็นครั้งแรก เขาหลับตาจินตนาการว่ารูตูดสีแทนของริคกี้คือแคมหีอันฉ่ำเยิ้มของแอนแฟนสาว เพื่อความสบายใจในการช่วยเร้าอารมณ์เงี่ยน ช่างภาพยังคงเก็บภาพเด็ดทุกช็อตต่อไปอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย


เมื่อโอ้โลมกันได้ระยะเวลาพอสมควร ก็ถึงส่วนที่เรียกได้ว่าเป็นไคลแม็กซ์ของหนังสือฉบับนี้เสียที


“ขอผมเอาสดกับคุณนะครับ” ริคกี้พูดขึ้นขณะอยู่ในช่วงพักนอกเวลา เขาหยิบผลตรวจเลือดโชว์ให้แจ็คดูอย่างภาคภูมิใจ


“แต่. . .แต่ผม” แจ็คหน้าแดงก่ำ เวลานี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงเข้าทุกทีเมื่อได้ลองเสียวกับชายหนุ่ม รูปงามกล้ามแกร่ง แม้เป็นความสุขที่วิเศษอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่อีกด้านหนึ่งยิ่งเลยเถิดไปเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าศักดิ์ศรีความเป็น ชายของตนหร่อยหรอลงเรื่อย ๆ


“ขอ ผมเถอะคุณแจ็ค เป็นบุญควยของผมจริง ๆ ที่จะได้เปิดซิงตูดชายแท้อย่างคุณ ผมสัญญาว่าจะปฏิบัติต่อคุณอย่างภรรยา ไม่ใช่เพียงคู่ขาข้ามคืน” คารมของริคกี้ฟังแล้วไม่ต่างกับตอนที่ผมขึ้นเวทีสร้างแรงบันดาลใจให้นักขาย แอนนาเบลล์ มีอำนาจโน้มน้าวคนให้คล้อยตามสูงจนน่ากลัว


และ ในที่สุด แจ็คก็ต้องพ่ายแพ้แก่ลมปากคาสโนว่าตัวพ่อ เขายอมยกขาเปิดทางให้ริคกี้ทำตามปรารถนา นายแบบฟิลิปปินส์ค่อย ๆ สอดลำควยเข้ารูตูดของแจ็คโดยมีเจลหล่อลื่นช่วยอำนวยความสะดวก แต่เมื่อเข้าไปได้เพียงครึ่งทาง


“โอ๊ย เจ็บ! เอาออกเลย!” แจ็คร้องโอดครวญขึ้นเสียงดัง นี่แหละคือความรู้สึกที่ผมอยากให้เขารับรู้เช่นเดียวกับตอนที่ผมถูกทารุณ เพราะฉะนั้นจึงไม่สมควรเอารูปพวกนั้นมาฟื้นฟอยหาตะเข็บกับผม ความจริงยังถือว่าแจ็คยังโชคดีที่ได้เจอกับคนใจดีอย่างริคกี้ ส่วนคราวผมนั้นไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน บริบทมันห่างกันเยอะ


ริ คกี้โน้มตัวลงดูดหัวนมแจ็ค และแช่ควยไว้อย่างนั้นชั่วคราวเพื่อให้ผ่อนคลาย เขากุมมือสับหว่างนิ้วกับแจ็คเพื่อให้เจ้าตัวรู้สึกว่าเขากำลังปรนเปรอความ เป็นผัวให้อย่างทะนุถนอมตามคำสัญญา


“แจ็ค ครับ เป็นเมียผมเถอะ” ริคกี้ดันควยต่อเข้าไปหลังจากที่พักให้ปรับตัวกันชั่วคราว คราวนี้มันเข้าง่ายกว่าเดิม เกิดสัมผัสคล้ายกับจะส่งเสียงผลุบ เมื่อเงี่ยงควยเข้าไปถึงจุด ๆ หนึ่ง และฝังตัวเข้ากับผนังลำไส้ใหญ่ของหนุ่มแจ็คลงล็อคพอดิบพอดี แจ็คเกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้งยากแก่การอธิบาย เหมือนกับว่าร่างกายของเขาถูกจับถ่างออกเป็นการเสียสละเพื่อปรนเปรอความสุข ให้ผู้ชายด้วยกัน ใช่แล้ว สำหรับริคกี้นั้นมองว่าแจ็คยอมเสียเกียรติพรหมจรรย์แห่งลูกผู้ชาย เพื่อเสียสละให้เขาได้เริงรมย์รสชาติบั้นท้ายชายแท้ ดังนั้นเขาจะบรรเลงรสรักอ่อนเร่าร้อนแฝงรสหวานละมุนคืนให้แจ็คเป็นการตอบแทน อย่างสมเกียรติ


ริคกี้ค่อย ๆ บรรจงเย็ดตูดแจ็คอย่างเบามือ ขณะที่แจ็คทำได้เพียงหลับตากัดฟันคราง คงจะเสียว ๆ เจ็บ ๆ ตามธรรมชาติคนเพิ่งเปิดซิงตูด


“เจ็บไหมครับที่รัก” ริคกี้โน้มตัวลงจูบแจ็คอย่างละเมียดละไม


“ช่างเถอะ. . .ทนไหว” แจ็คขบฟันตอบ คงจะฝืนอารมณ์อยู่บ้าง


“กอด หลังผมสิ จะได้อบอุ่น อย่าคิดว่าผมเป็นเซ็กส์พาร์ทเนอร์สิ เรารู้สึกต่อกันลึกซึ้งกว่านั้นนะ ผมเป็นเกย์คนแรกของคุณ และคุณก็เป็นชายแท้คนแรกของผม” เหลือเชื่อจริง ๆ ไม่รู้ไปสรรหาแต่ละประโยคมาจากไหน เห็นทีผมต้องอ่านใจริคกี้สลับไปมากับแจ็คให้ถี่กว่าเดิม เผื่อจะได้เรียนรู้เคล็บลับโน้มน้าวใจเด็ด ๆ ติดหัวมาบ้าง จะได้พึ่งพาพลังจิตน้อยลง


แจ็ค ยอมกอดหลังริคกี้ บัดนี้เขายอมรับบทบาทความเป็นสามีของริคกี้อย่างเต็มใจแล้ว ทั้งสองปลดปล่อยอารมณ์ดิบเต็มที่ ริคกี้ซอยตูดแจ็คแบบเน้น ๆ รัว ๆ หลังจากแจ็คเริ่มปรับสภาพได้ แจ็คควยแข็งขึ้นโดยอัตโนมัติทันทีที่ความเจ็บปวดมลายหายสิ้น ทั้งคู่พากันลองท่าใหม่ ๆ แจ็คถูกกระหน่ำรักในท่านั่ง ลิงอุ้มแตง และท่าหมาจนเมื่อถึงแก่เวลาอันสมควรทั้งสองก็กลับมาใช้ท่านอนหงายมาตรฐานอีก ครั้งเพื่อเตรียมปิดกล้องรูปเซตสำคัญ


“แจ็คครับ ทนอีกนิดนะครับ ผมจะแตกแล้ว” ริคกี้ประสานสายตากับแจ็ค มือก็ชักว่าวให้แจ็คไปด้วย ทั้งสองต่างให้กำลังใจกันและกัน


“เซต นี้เริ่ดจริงอะไรจริง พี่ขอแตกในเลยนะริคกี้ รับรองยอดขายถล่มทลายเป็นประวัติการณ์แน่แม่คุณเอ๊ย”สไตลิสต์ผู้คุมงานบอก เตือนก่อนริคกี้จะถึงจุดสุดยอด


“แจ็ค ครับ แจ็คเป็นเมียผมแล้วนะ!” สิ้นเสียงกู่ร้อง ริคกี้ก็เกร็งร่างกระตุก อัดพลังเฮือกสุดท้ายอัดลงตูดแจ็คเต็มแรงเกิด ปลดปล่อยน้ำกามเข้าทวารสุดแรงฉีด ปรี๊ด ๆ ๆ แจ็คเองก็ถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ น้ำพุ่งกระจายถึงต้นคอตามไปติดกัน ริคกี้นอนกอดจูบแจ็คอยู่พักนึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าแจ็คมีคุณค่าสำหรับเขา แม้จะเป็นเพียงเวลาไม่นานนักก็ตาม


“คุณ คือคนพิเศษที่สุดของผมเลยนะแจ็ค ผมไม่เคยรู้สึกดีขณะทำงานแบบนี้กับคนอื่นได้เท่าคุณเลย” เขาถอนลำควยชุ่มโชกออกจากรูตูดแจ็คดังพล๊อบ น้ำว่าวหนุ่มฟิลิปปินส์ไหลเยิ้มออกจากรูตูดแจ็คที่ถูกขยายจนกว้าง เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ช่างภาพไม่รอช้า เก็บภาพเด็ดปิดท้ายรายการไว้อย่างทันท่วงที ตั้งแต่มันเริ่มปริ่ม ย้อยลงมา จนกระทั่งน้ำว่าวทั้งหมดไหลออกมาหมดตัวกองแฉะอยู่เต็มหว่างขา แจ็คนอนเงียบไม่พูดอะไร เขาหอบหายใจแรง มือป่ายหน้าผาก ตาแหงนมองเพดานอย่างไร้จุดหมาย ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายของเขาจบสิ้นลงแล้ว เพื่อแลกกับการสนองตัณหาส่วนตัวและหนี้ที่ติดค้างกับผม
.
.
.
“แอน. . . .พี่ขอโทษ”
.
.
.
นี่เป็นความคิดสุดท้ายที่ผมอ่านใจแจ็คได้ก่อนที่เขาอ่อนแรงจนพล็อยหลับไป

ทีมงานหนังสือเกย์ใต้ ดินทยอยกันขนย้ายของออกไปจากบาร์ ส่วนลูกค้าคนอื่นผมสั่งให้กลับไปตั้งแต่ก่อนถ่ายทำแล้ว คงเหลือแต่พวกพนักงานร้าน วี แจ็ค แฟนสาวที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และผมซึ่งกำลังซดบะหมี่ถ้วยรสต้มยำรองท้องกลางดึก


“ถามอะไรอย่างนึงสิไอ้เต๋อ” วีรวุฒิเอ่ยขึ้นมาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้


“ว่า มาก่อน ตอบได้หรือไม่ได้ไม่รับปากนะ ขึ้นอยู่กับคำถาม” ผมพูดเผื่อไว้ก่อน ใจจริงก็ไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้นเพราะกำลังอร่อยกับบะหมี่ถ้วยรสโอชา


“กูลองถามน้องกู. . .เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครจำอะไรได้เลย”


“แล้วไงต่อ” ให้ตายเถอะ พูดไปกินไปจนน้ำซุปลวกลิ้นซะได้ พักเรื่องกินแล้วตอบคำถามตัดความรำคาญก่อนแล้วกัน


“มึงลบความทรงจำคนได้ด้วยใช่ไหม” คำถามของวีเล่นเอาผมเกือบสำลักเส้นออกรูจมูก


“นายจะรู้ไปทำไม?”


“กู ทำงานให้มึงเกินกว่าที่ตกลงไว้นะ แล้วยังมีเรื่องตัวประกงตัวประกันอะไรนี่อีก ยอมเสี่ยงตะรางกับมึงขนาดนี้แล้วยังไม่ไว้ใจกูอีกเหรอ” วีทำหน้าจริงจังยิ่งขึ้น


“ไม่มีความเสี่ยงอะไรหรอก ต่อให้มีตำรวจเห็นขั้นตอนการถ่ายทำกันทั้งโรงพักผมก็รับมือไหว มั่นใจได้” ผมพยายามทำให้เขาสบายใจ


“ก็นั่นคือการลบความทรงจำใช่ไหมละ” วีรวุฒิย้อนผม


“และพอกูหมดประโยชน์แล้วมึงก็จะทำกับกูด้วย กูรู้”


“วี. . .” ผมเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาก่อนลอย ๆ เพราะยังไม่รู้จะตอบยังไง ความคิดมันแล่นไม่ไวเท่าปัญหาตรงหน้า
.
.
.
“บางเรื่องลืมไปก็อาจจะดีกว่าจำได้นะ” ผมจ้องไปยังดวงตาของวี สงสัยคงต้องจัดการล้างสมองเร็วกว่ากำหนด. . .แต่แล้ว. . .


“โอย. . .กี่โมงแล้ววะ” แจ็คปัดผ้าห่มคลุมตัวออกจากโซฟาที่ใช้นอน เขาใส่บ็อกเซอร์ของตัวเองดังเดิม ผมเป็นคนนุ่งคืนให้เองแหละ


“ตีสองยี่สิบ” ผมตอบ


“เดี๋ยวกูมานะ ไปเยี่ยวก่อน” วีรวุฒิขอตัวเข้าห้องน้ำ ช่างมันก่อนแล้วกัน คุยกับแจ็คให้เรียบร้อยดีกว่า


“แอนอยู่ไหน!?” เขาดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาทันทีที่นึกออก


“เธออยู่หลังร้าน ทานข้าวแล้วเรียบร้อย ปลอดภัยดี กำลังให้รอกลับกับนายนี่ไง”


“เป็น คนรักแฟนดีนะนายน่ะ ตอนหลับอยู่ก็ละเมอแต่ชื่อแฟน” ผมแกล้งหยอกเล่น แม้รู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่มีอารมณ์เล่นด้วยก็ตามเพราะเพิ่งได้รับประสบการณ์ เลวร้ายจากผมไปหมาด ๆ


“กูหายติดค้างกับมึงแล้วใช่ไหมไอ้เต๋อ”


ผมพยักหน้าแทน ขี้เกียจพูดจะกินบะหมี่ต่อ


“กูขอโทษนะไอ้เต๋อ”


“เรื่องอะไร”
.
.
.

“ทุกอย่าง. . . .”
.
.
.


“. . . . . . . .” ผมรู้สึกจุกที่ลำคอ
.
.

“จริงอย่างที่มึงบอก กูควรรับผิดชอบปัญหาที่ก่อขึ้นเอง มึงก็หลบไปตั้งตัวสร้างฐานะเงียบ ๆ แล้ว กูยังตามไปหาเรื่องมึงอีก”
.
.
“. . . . . . . . .” ผมยังคงเงียบ
.
.
“ กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงไปทำอะไรมาถึงได้ควบคุมจิตใจคนรอบตัวได้ แต่ตอนนั้นกูกลัวมาก กูเป็นห่วงแฟนกูกว่าตัวกูอีก เค้าไม่ควรเอาตัวมาเสี่ยงกับกูเลย กูมานั่งนึกดู ถ้าไม่ใช่แบล็คเมล์มึงแต่เป็นผู้อิทธิพลคนอื่น แล้วหากเกิดพลาดขึ้นมาก็คงตายทั้งคู่แล้ว ยังดีที่รอดมาได้ กูจะไปหาเงินมาใช้หนี้โต๊ะบอลเอง . . . . . . . มีเรื่องจะพูดเท่านี้แหละ” พูดจบเขาก็คว้ากางเกงยีนส์ของตัวเองนุ่งกลับ และจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย


“มีอะไรอยากถามนายสักอย่าง” ผมลองถามขึ้นมาเล่น ๆ ฆ่าเวลาขณะแจ็คกำลังแต่งตัว


“นายเคยสนิทกับไม้อยู่พักหนึ่งใช่ไหม?”


“หมาย ถึงโพดำรุ่นเราน่ะเรอะ” เขาตอบพลางออกแรงโน้มตัวลงสวมเสื้อยืดเข้ารูปอย่างลำบากเล็กน้อย ตามด้วยเสื้อคลุมทับเป็นอันเสร็จสิ้น แจ็คลุกหันมาประสานสายตากับผม ช่างเป็นแววตาที่แน่วแน่ชวนท้าทายความรู้สึกยิ่งนัก


“กูรู้นะไอ้เต๋อว่ามึงคิดอะไรอยู่ จะตามหามันเพื่อจัดการอย่างที่ทำกับกูใช่รึเปล่า” เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนเหมือนเป็นฝ่ายอ่านใจผมแทน


“กูไม่ใช่คนขายเพื่อนเหมือนไอ้วีหรอกนะเว้ย”


แจ็คจ้องตาผมนิ่งเงียบรอดูท่าที ก็ยังคงเกรงอยู่บ้างว่าผมอาจสำแดงเดชอะไรออกมาอีก


“เป็น คำตอบที่ไม่เลว ถึงผมไม่ชอบ แต่ก็ยอมรับ” ผมยิ้มให้แจ็ค และให้เกียรติความแน่วแน่ของเขาด้วยการไม่ล้วงความลับโดยใช้อำนาจจิต จะยอมหลับตาข้างเดียวแล้วค่อยหาเบาะแสจากแหล่งอื่นสักครั้งก็ได้
.
.
.
.
.
แจ็ค ประคองไหล่แฟนสาวที่ร้องห่มร้องไห้อย่างเสียขวัญออกมาจากหลังร้าน น่าสงสารฝ่ายหญิงที่กลัวผมจนขวัญหนีดีฝ่อ ห้ามแม้แต่ไม่ให้สมองตัวเองคิดคำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะเกรงจะสร้างความไม่พอใจให้กับผม พวกเขาขอตัวลาทันทีแม้จะดึกถึงตีสามแล้ว


“กูจะไปหาเงินใช้หนี้บอล จะไม่รบกวนมึงอีกแล้ว ขอให้หายกัน ทั้งเรื่องวัยเด็กและเรื่องแบล็คเมล์”


“คนเราพอจนตรอก เหี้ยแค่ไหนก็ต้องทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น” ผมทวนคำพูดแจ็คขึ้นมาอีกรอบ


“ประชดอะไรกูอีกวะ! ยังไม่จบอีกเหรอ!” แจ็คเขม็งผม

.
.
.
“เปล่า”
.
.
.

“อย่าพูดแบบนั้นกับตัวเองอีก เพราะนายไม่ใช่คนประเภทนั้น นายไม่ขายคนรัก นายไม่ขายเพื่อน”
.
.
.
.
ผมยื่นกระเป๋าบรรจุเงินห้าแสนส่งให้แจ็ค
.
.
.
.
“คิดเสียว่าเป็นค่าตัวนายแบบที่แพงที่สุดครั้งนึงในวงการหนังสือใต้ดินก็แล้วกัน แต่คงห้ามไม่ให้ตีพิมพ์ไม่ได้
ทางนั้นเองเขาก็เสียค่าใช้จ่ายเยอะ เอาเป็นว่าถ้ามีคนทักถึงเรื่องนั้นก็บอกเขาไปว่าแค่หน้าคล้ายกัน”
.
.
.
.
เดิมที ผมตั้งใจจะเอารูปพวกนั้นไปประจานเพิ่มอีกรอบในวงการให้แจ็คต้องออกจากธุรกิจ แอนนาเบลล์ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่แจ็คแสดงออกมาทำให้ผมตัดสินใจเปลี่ยนวิธีกะทันหัน
.
.
.
“ไอ้ เต๋อ!!” แจ็คโผเข้ากอดผมแล้วร้องไห้น้ำตานองหน้า ไม่รู้เพราะซึ้งใจหรือโล่งใจที่ได้เงินก้อนใหญ่ไปล้างหนี้ ถ้าคิดอย่างมนุษย์ทั่วไปก็น่าจะมีความรู้สึกทั้งสองด้านผสมกันไป ผมลูบหลังให้เขาแทนคำพูด มันยังเกินเร็วไปสำหรับผมที่จะรับเอาความรู้สึกดีงามซึมซับเข้ากมลสันดาน เพราะผมยังต้องการความแค้นเป็นพลังงานขับเคลื่อนต่อไปให้ถึงจุดหมายที่วาง ไว้

.
.
ขณะ ที่แจ็คสวมกอดผม ผมกระซิบถ่ายทอดคำสั่งให้เขาลืมเรื่องของผมทั้งหมด รวมถึงสั่งให้แอนลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน และยังให้แจ็คลาออกจากธุรกิจแอนนาเบลล์เพราะเราไม่สมควรมีโอกาสพบเจอกันอีก ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม
และสุดท้าย
.
.
.
“ขอให้นายเลิกการพนันทุกชนิดตลอดชีวิตนะ”
.
.
.

นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมมอบให้เขาได้ ในฐานะเพื่. . . . .ลูกหนี้ชั้นดีซึ่งต่างจากคนอื่นกระมัง

เกือบตีสี่วันเดียว กัน ผมขับรถมาส่งวีถึงบ้านหลังเดิม ไอ้หลังที่ผมเคยบุกเข้าไปก่อเรื่องนั่นแหละ ระหว่างทางผมรู้สึกว่าวันนี้วีรวุฒิมีอะไรต่างจากทุกที เขาคิดในใจน้อยลงจนผิดธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไป แต่ก็อาจเป็นเพราะระแวงว่าผมจะล้วงความลับอีกก็ได้ ซึ่งก็คงไม่แปลกหากใครคนหนึ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายใช้โทรจิตอ่านใจคนได้


ก่อนจากกัน วีถามผมเป็นการทิ้งทวนว่า


“ไอ้เต๋อ ขอถามอีกแค่อย่างเดียว แม้กูจะรู้ว่าเดี๋ยวมึงจะลบความจำกูก็ตาม ขอให้มึงตอบตามตรง”


“. . . . . . .” ผมเงียบ ไม่รู้จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาในเมื่ออีกชั่วครู่ก็ต้องลืมหมดแล้ว


“เรื่องปรียาน่ะ ต้นเหตุมาจากมึงใช่ไหม”
.
.
.

ผมแสยะยิ้มแทนคำตอบให้เขาตีความเอาเอง
.
.
.
.
จากนั้นความทรงจำเกี่ยวกับผมทั้งหมดในหัวของวีรวุฒิได้ถูกลบล้างออกไป เขามีอาการสะลึมสลือ เดินโงนเงนจนลับตาหายเข้าไปในบ้าน
.
.
.
.
.
ผม ขับรถจากบ้านของวีกินเวลาจนถึงตอนนี้ก็ปาไปจะตีสี่ครึ่งแล้ว ถนนเส้นนี้เปลี่ยววังเวงแต่ก็จำเป็นต้องผ่านเพราะเป็นทางลัด สองข้างทางมีแต่กอหญ้าสูงท่วมศีรษะ ไม่อย่างนั้นก็เป็นพุ่มไม้รกร้าง มีรายงานพบศพเด็กสาวถูกฆ่าข่มขืนโผล่ปรากฏในละแวกนี้เป็นเครื่องเตือนสติปี ละครั้งสองครั้ง ส่วนผมคงไม่เดือดร้อนใจเท่าไหร่นัก พวกอาชญากรต่างหากที่น่าเป็นห่วงถ้าได้เจอกับผม
.
.
.
ขณะที่ผม ป้องปากเก็บอาการหาวนั้นเอง รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นสวนมาอย่างไม่ให้ซุ้มเสียง ทั้งคนขี่และคนซ้อนสวมหมวกกันน็อคอำพรางใบหน้า ในมือคนซ้อนถือก้อนหินขนาดเหมาะมือ ผมไม่สามารถครองจิตพวกมันได้ทันเนื่องจากมันเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบไม่ต่างจาก ใช้มือเปล่าจับปลาไหล


พริบ ตานั้น เจ้าคนซ้อนชูนิ้วกลางให้ผมก่อนจะเขวี้ยงก้อนหินนั้นตรงมายังตำแหน่งคนขับ ทุกอย่างเกิดขึ้นชั่วอึดใจแต่รู้สึกนานเหมือนผ่านไปหลายนาที ผมหักพวงมาลัยหลบจนล้อส่งเสียงครูดลากยาวไปกับแรงเสียดสีพื้นถนน วัดดวงกันว่าจะอยู่หรือตายกันไปเลย
.
.
.

น่าประหลาดใจ เมื่อผมตั้งสติได้และเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีแต่ความว่างเปล่า ว่างเปล่าจริง ๆ


ผม มองผ่านกระจกรถสำรวจทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง ต่างไร้วี่แววของก้อนหินที่ใช้เป็นอาวุธและแก๊งค์ปาหินกับมอเตอร์ไซค์ กระจกรถทุกบานก็ยังอยู่ในสภาพดี ราวกับว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นภาพลวงตา


บางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง หรือไม่ก็ละแวกนี้เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับคนขับมอเตอร์ไซค์มาก่อน

แต่จะอย่างไรก็ตามมันคงไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่นัก ผมควรจะออกจากบริเวณนี้โดยเร็วที่สุด
.
.
.
.
.
.
“โอยยยยยยย ช่วยด้วย”


“ยังมีชีวิตอยู่อีกเรอะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังพุ่มไม้อย่างสุขุม


“พี่ ครับ ช่วยผมด้วย พวกผมรถคว่ำ” เด็กหนุ่มตัวผอมโย่ง คนซ้อนในแก๊งค์ปาหินถอดหมวกกันน็อคออกเพื่อส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้สะดวก ยิ่งขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับตอบสนองด้วยแววตาเย็นชา


"หึ หึ หึ รถไม่ได้คว่ำหรอก ฉันเป็นคนลากพวกแกมาเชือดที่นี่ต่างหาก" เขากระแอมหัวเราะอย่างสมเพช


“หินก้อนไหนที่แกใช้ปาใส่รถคันเมื่อกี้” ชายหนุ่มถามต่อทันทีด้วยเสียงอันดุดัน


“ผม ไม่รู้ ช่วยผมด้วย” เด็กผอมโย่งยังคงนอนกุมบาดแผลด้วยความเจ็บปวด ดูท่าเขาคงไม่อยากพูดถึงเรื่องอื่นนอกจากได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่เพื่อนผมทองอีกคนหมวกกระเด็นออก นอนหายใจรวยรินอยู่ห่างกันไม่กี่เมตร


“ฉันเฉลยให้ก็ได้ ก้อนที่อยู่บนหัวแกตอนนี้ไง”


เด็กโย่งรู้สึกได้ว่ามีวัตถุบางอย่างลอยเหนือศีรษะ มันคือก้อนหินที่เขาใช้ปาใส่รถบีเอ็มดับบลิวของเต๋อนั่นเอง


“บึ๊ก!” หินก้อนนั้นทิ้งตัวลงเต็มหน้าเด็กโย่ง เขาถึงกับชักกระตุกด้วยแรงกระแทก แต่หินก้อนนั้นยังไม่จบหน้าที่เพียงเท่านั้น มันลอยขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งเข้าโจมตีศีรษะเด็กโย่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“บึ๊ก! บึ๊ก! บึ๊ก!” หินดังกล่าวอาบเลือดแดงฉานเกือบทั่วทั้งก้อน เห็นแค่นั้นก็คงไม่ต้องบรรยายว่าตอนนี้เด็กโย่งจะอยู่ในสภาพเช่นไร


“โอย ยยย” เด็กผมทองคนขี่รถบาดเจ็บที่ขาทำให้ลุกขึ้นเดินไม่ได้ กระนั้นก็พยายามคลานตัวหนีตายเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองแน่นิ่งไปแล้ว และชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคงไม่ยอมให้มีการผ่อนปรนใด ๆ เป็นแน่


“กร๊อบ!” เสียงกระดูกหักดังขึ้นมาหน้าหวาดเสียวจากอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตา เปล่า เด็กผมทองขาหักจนบิดได้รอบด้านทั้งสองข้าง แม้แต่จะคลานยังกลายเป็นเรื่องลำบากแล้ว


“รู้ ตัวหรือเปล่าว่าเมื่อกี้พวกแกกำลังจะทำลายสายเลือดแห่งอนาคต ชีวิตของเขามีค่ามากกว่าเอาแกสองคนพ่วงญาติย้อนหลังเจ็ดชั่วโคตรเสียอีก” ชายหนุ่มใช้เท้าเหยียบกลางหลังเด็กผมทองเป็นการตรึงให้อยู่กับที่


“อย่า! พี่! ผมกลัวแล้ว!” เขาร้องขอชีวิต และชายหนุ่มก็ได้ตอบสนองทันที ด้วยการทำให้เด็กผมทองหลุดพ้นจากความกลัวชั่วนิรันดร์
.
.
.
.
.
.
วันรุ่งขึ้น ชาวบ้านพบศพเด็กทั้งสองในสภาพน่าสยดสยอง คนหนึ่งถูกหินทุบจนใบหน้าเลือดอาบเละเทะ กะโหลกยุบ สมองไหลนองพื้น
.
.
.
ส่วนอีกคนหนึ่งแขน ขา และคอหมุนได้รอบ หักมุมไปคนละทิศทางคล้ายเครื่องหมายสวัสดิกะ เป็นภาพชวนขนลุกที่พิสดารยากเกินบรรยาย
.
.
.
จบตอนที่ 7 นายแบบมือสมัครเล่น

No comments:

Post a Comment